เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ iPhone11, iPhone11 Pro, และ iPhone11 Pro Max 3 สมาร์โฟนจากบริษัท Apple รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ได้ทำการอัพเดตฮาร์แวร์ใหม่รอบด้าน ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพการทำงาน ตลอดจนถึงเรื่อง
ของการถ่ายภาพ ซึ่ง Baaitz ได้รวบรวมนำฟีเจอร์ตัวใหม่ของไอโฟน 11 ทั้ง 3 รุ่นให้สาวกไอโฟนได้ทราบกันเพื่อเป็นประโยชน์ประกอบการตัดสินใจ
จอรอยบากประสิทธิภาพดีกว่าเดิม
iPhone11, iPhone11 Pro, และ iPhone11 Pro Max ยังคงเลือกใช้งานการดีไซน์จอรอยบากเหมือนเดิม แต่ได้ทำการอัพเดตหน้าจอในรูปแบบใหม่ทั้งหมดใน iPhone11 Pro, และ iPhone11 Pro Max ที่มาพร้อมกับหน้าจอที่มีชื่อว่า Super Retina XDA โดย ไอโฟน 11 Pro จะมีขนาด 5.8 นิ้ว และ ไอโฟน 11 Pro Max มีขนาด 6.58 นิ้ว โดยมีจุดเด่นในเรื่องของค่าความสว่างหน้าจอสูงสุด 1200nits พร้อมค่า Contrast Ratio ในระดับ 2,000,000:1 ซึ่งทางด้านของผู้พัฒนาได้ระบุว่า เป็นหน้าจอที่สว่าง และคมชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนไอโฟนเลย
Apple A13 Bionic ที่แรงที่สุด
iPhone11, iPhone11 Pro, และ iPhone11 Pro Max ผลิตขึ้นมาพร้อมกับขุมพลังรูปแบบใหม่ที่เรียกกันว่า Apple A13 Bionic โดยได้ผลิตด้วยสถาปัตยกรรมระดับ 7 นาโนเมตร พร้อมทั้งปรับโครงสร้าง CPU ให้ใหม่ยิ่งขึ้น ซึ่งทาง Apple ได้นำมาเปรียบเทียบกับชิปเซ็ตตัวท็อปบนท้องตลาดอย่าง Snapdragon 855, Kirin 980 หรือแม้แต่ชิปรุ่นเก่าของ Apple อย่าง A12 Bionic ก็พบว่า A13 Bionic แรงกว่ากันในทุกๆ ด้าน ตรงกับทาง Apple ได้ระบุว่า “iPhone ทั้ง 3 รุ่นนี้มีชิปเซ็ตที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนสมาร์ทโฟน”
อัพเดตกล้องใหม่ยกเซ็ต
iPhone11 มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ (Dual Camera) โดยแบ่งออกเป็น กล้องตัวหลังกเลนส์ Wide มีความละเอียด 12 ล้านพิเซล และกล้อง Ulra Wide ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โดยจะสามารถถ่ายภาพในมุมกว้างได้ถึง 120 องศา
ส่วนในด้านของ iPhone11 Pro, และ iPhone11 Pro Max นั้นมาพร้อมกับกล้อง 3 ตัว โดยแบ่งออกเป็นกล้องหลักเลยส์ Wide ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, กล้อง Ultra Wide ที่มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพในมุมกว้างได้ถึง 120 องศาเช่นกัน นอกจากนี้ ไอโฟน 11 Pro และ ไอโฟน 11 Pro Max ยังมีกล้อง Telephoto ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมทั้งรองรับการซูมภาพที่ไม่สูญเสียความละเอียดแบบ Optical Zoom ได้สูงสุดถึง 4 เท่าอีกด้วย
ความสว่างสดใสของการถ่ายภาพยามค่ำคืน Nigth Mode
iPhone11, iPhone11 Pro, และ iPhone11 Pro Max มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการถ่ายภาพในโหมดกลางคืนแบบโดยเฉพาะที่เรียกว่า Night Mode โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างซอฟต์แวร์และชิปเซ็ตตัวใหม่อย่าง Apple A13 Bionic ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนถ่ายภาพในสถานที่ที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด ผ่านการเปิดหน้าชัตเตอร์ให้นานถึงเพื่อเก็บแสงได้มายิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ระบบจะทำการถ่ายภาพหลายๆ ใบแล้วนำมารวมกันเพื่อให้ช่วยเก็บรายละเอียดของภาพให้ดีที่สุด ซึ่งทาง Apple ได้ระบุว่า Night Mode จะทำงานในรูปแบบอัตโนมัติ โดยจะทำการตรวจจับว่าผู้ใช้ถ่ายภาพในสภาวะแสงที่น้อย
เปิดประสบการณ์ใหม่กับ Slofie การเซลฟี่แบบสโลวโมชั่น
Click edit button to change this text. Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipiscing elit. Ut elit tellus, luctus nec ullamcorper mattis, pulvinar dapibus leo.
ความทนทานของแบตเตอรี่ ใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม
ด้วยชิปเซ็ตตัวใหม่ล่าสุด และการปรับปรุงแบตเตอรี่ ทางด้าน Apple ได้เปิดเผยออกมาดังนี้
- iPhone 11 สามารถใช้งานได้ในระยะเวลาที่นานกว่า iPhone XR ประมาณ 1 ชั่วโมง
- iPhone11 Pro สามารถใช้งานได้ในระยะเวลาที่นานกว่า iPhone XS ประมาณ 4 ชั่วโมง
- iPhone11 Pro Max สามารถใช้งานได้ในระยะเวลาที่นานกว่า iPhone XS Max ประมาณ 5 ชั่วโมง
แถมหัวชาร์จตัวแรงมาในกล่องแล้ว
iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max รองรับการชาร์จพลังงานที่เร็วสูงในระดับ 18W เหมือนกันทั้งหมด เพียงแต่ภายในตัวเครื่องของ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max จะทำการแถมอแดปเตอร์ 18W มาด้วย ในขณะที่คนที่สนใจจะซื้อเจ้า iPhone 11 จำเป็นต้องซื้อแยกในราคา 1,190 บาท
กันน้ำและฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น
iPhone 11 สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 2 เมตร เป็นระยะเวลาที่นานถึง 30 นาที ซึ่งถือว่ากันน้ำได้นานมากว่า iPPhone XR ถึงสองเท่าเลยทีเดียว ในขณะที่ iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max กันน้ำได้ลึกถึง 4 เมตร เป็นเวลานานสุดถึง 30 นาทีหรือ ครึ่งชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันของเหลว เช่น กาแฟ, ชา, โซดา, และอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม การรับประกันตัวสมาร์ทโฟนของทาง Apple ยังไม่มีการครอบคลุมความเสียหายจากของเหลวในทุกกรณี
