ในโลกของอินเตอร์เน็ตเราต้องยอมรับว่ามองอีกมุม ที่นั่นคือห้องสมุดที่ใหญ่สุดของโลก ความรู้วิทยาการต่างๆ มากมายเกิดขึ้นและอัพเดตอยู่ในนั้นตลอดเวลา หากมองจากมุมของหนอนหนังสือหรือคนที่ชอบอ่านเพื่อหาความรู้ใหม่ๆ ถือว่านี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เลยก็ว่าได้ แต่ว่ายุคนี้มันก้าวไปไกลกว่านั้นอีก มันจะเป็นอย่างไรหากหนังสือที่เราอยากอ่านพูด และอ่านตัวเองให้เราฟังแทน นั่นแหละคือที่มาของ storytel
การบริการของ storytel
เรามาทำความรู้จักกับ storytel ที่นี่มันก็คือ แอพพลิเคชั่นที่เราจะได้อ่านหนังสือแบบ e-books หรือ แบบหนังสือเสียงก็ได้ โดยในนั้นจะมีบริการทั้งสองรูปแบบ คือเราไปเลือกหนังสือเล่มที่ต้องการจากนั้นก็อ่านได้กี่รอบจนกว่าจะพอใจ โดยจะเป็นการอ่านผ่านระบบ e-books ของโปรแกรมนั้น (ไม่สามารถดาวน์โหลดลงเครื่องได้) แต่ถ้าหากรู้สึกว่าไม่มีเวลาอ่าน ทาง storytel ก็มีบริการที่สองนั่นก็คือ การอ่านหนังสือเสียง พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เรามีหน้าที่ฟังคนที่มาอ่านหนังสือให้กับเรานั่นเอง แล้วไม่ต้องห่วงตัวแอพพลิเคชั่นจะมีการซิงค์กันของเราระหว่างสองบริการด้วย ฟังหรืออ่าน ถึงตรงไหน เราสามารถมาต่อได้เลยทันที จะอ่านหรือฟังก็ได้
รีวิว
เรื่องแรกที่เราต้องชื่นชมเลยก็คือ การอ่านหนังสือเสียง ตัวแอพ storytel คัดคนมาทำงานตรงนี้ได้ดีเลยทีเดียว ใครที่คิดว่าจะเป็นการเอาคอมพิวเตอร์มาอ่านหนังสือให้ฟัง บอกเลยว่าผิด storytel มีการคัดคนจริงๆ ที่มีน้ำเสียง คาแรกเตอร์ และลักษณะการอ่านที่สอดคล้องกับหนังสือเล่มนั้น ทำให้แม้จะเป็นการฟังเราก็สามารถ “อิน” ไปกับเนื้อหาของหนังสือได้ตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว
เรื่องจำนวนของหนังสือ ที่ต้องยอมรับว่าหากเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่มีมากกว่าสองแสนเล่ม น่าจะตอบสนองความต้องการของเราได้ดี อีกทั้งหนังสือที่มีอยู่ใน storytel ก็ค่อนข้างที่จะครอบคลุมหลากหลายรูปแบบความต้องการ และจริตของเราที่ตามหาแนวทางในการอ่านหนังสือไม่เหมือนกัน แต่ฝั่งภาษาไทยที่ตอนนี้ยังมีเพียงแค่ ห้าพันกว่าเล่ม อันนี้น่าจะยังน้อยเกินไป จริงอยู่ที่เราอาจจะอ่านไม่หมดหรอก แต่ว่าจำนวนเท่านี้บางทีมันก็ไม่มีหนังสือที่ตรงกับจริตของเราก็เป็นได้ แต่ทางผู้พัฒนากำลังหาทางเพิ่มหนังสือไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามหนังสือนิยาย หรือ หนังสือดังๆ storytel มีครบนะ ลองเข้าไปได้ไม่ผิดหวัง หนังสือใหม่ หนังสือเก่า หรือบางเล่มไม่คิดว่าจะมีก็หาเจอจาก storytel ด้วยเช่นกัน
วิธีการให้บริการ
ตัว storytel จะมีโมเดลการให้บริการเหมือนกับ เนตฟลิกช์ เลยก็คือเราต้องสมัคร พร้อมกับเสียค่าบริการไปก่อนถึงจะเข้าใช้บริการได้ แต่ถ้าอยากจะลอง ก็มีช่วงให้ทดลองอยู่ 14 วัน storytel สามารถรองรับกับระบบปฏิบัติการทุกค่าย ไม่ว่าจะเป็น iOs หรือ Android ทีนี้ค่าบริการ หากเป็นคนเดียว จะอยู่ที่ 229 บาทต่อเดือน (แต่ถ้าใช้งานระบบ iOS จะเพิ่มราคาเป็น 279 บาทต่อเดือน) หากผู้ใช้งานจำนวนสองคน จะเป็น 309 บาทต่อเดือน และ 379 บาทต่อเดือน สำหรับครอบครัวจำนวนสามคน มองจากตรงนี้ราคาถ้าเป็นหลายคนดูจะคุ้มค่ามากกว่า แต่ถ้าคนเดียว เกือบสามร้อยบ้างก็ถือว่าหนักอยู่เหมือนกัน เปลี่ยนมุมคิดอีกที เงินจำนวนนี้หากมองว่าทำให้เราสามารถเข้าถึงหนังสือดีๆ จากทั่วโลก แบบไม่ต้องแบก ไม่ต้องไปซื้อหา และเก็บรักษาง่าย ราคาถูกอีกด้วย อันนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าเหมือนกัน หนังสือบางเล่มยุคนี้ยอมรับเลยว่าราคาสูงเอาเรื่อง ลองมาใช้วิธีการนี้ดูก่อน หากชอบใจจริงๆ ค่อยไปตามซื้อเก็บไว้อ่านอีกรอบก็ไม่เสียหาย
